
เสาชิงช้า เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และลานคนเมือง ใกล้กับเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ในกรุงเทพมหานคร ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของกรุงเทพฯ แม้ว่าพิธีโล้ชิงช้าซึ่งเป็นที่มาของการสร้างเสาชิงช้าได้เลิกไปตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 แล้วก็ตาม

ตำนานและความเป็นมา
เสาชิงช้าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2327 หลังจากสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ได้เพียง 2 ปี โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ประกอบพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “พิธีโล้ชิงช้า” ซึ่งเป็นพิธีกรรมทางศาสนาพราหมณ์ที่มีมาแต่โบราณ
- พิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย: เป็นพิธีที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ โดยเชื่อว่าเป็นการบูชาพระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม เพื่อขอความสุขและความอุดมสมบูรณ์ พิธีโล้ชิงช้าเป็นส่วนหนึ่งของพิธีนี้ โดยพราหมณ์จะขึ้นไปโล้ชิงช้าให้สูงที่สุด เพื่อรับพรจากเทพเจ้า
- ความหมายเชิงสัญลักษณ์: นอกจากใช้ในพิธีกรรมแล้ว เสาชิงช้ายังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึงศูนย์กลางของพระนคร โดยถือว่าบริเวณที่ตั้งเสาชิงช้าเป็น “สะดือเมือง”

ลักษณะของเสาชิงช้า
เสาชิงช้าประกอบด้วยเสาไม้สักสองต้น สูงประมาณ 21 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่บนฐานปูนกลม ฐานเสาตกแต่งด้วยปูนปั้นลวดลายสวยงาม เสาทั้งสองต้นเชื่อมต่อกันด้วยคานไม้ขนาดใหญ่ ในอดีตจะใช้สำหรับผูกชิงช้าให้พราหมณ์ขึ้นไปโล้ในพิธี
การบูรณปฏิสังขรณ์
เนื่องจากเสาชิงช้าสร้างจากไม้ จึงต้องมีการบูรณปฏิสังขรณ์อยู่หลายครั้งตามกาลเวลาและการผุพัง ครั้งสำคัญ ได้แก่
- สมัยรัชกาลที่ 2: เกิดฟ้าผ่าลงบนยอดเสา ทำให้ต้องซ่อมแซม
- สมัยรัชกาลที่ 6: เสาชิงช้าผุพังอย่างมาก จึงต้องสร้างใหม่
- พ.ศ. 2549 – 2550: มีการบูรณะครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนเสาใหม่ทั้งหมด เนื่องจากเสาเดิมผุพังมาก

ในปัจจุบันแม้พิธีโล้ชิงช้าจะยกเลิกไปแล้ว แต่เสาชิงช้าก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของกรุงเทพฯ เป็นที่รู้จักของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถถ่ายภาพสวยๆเพื่อเก็บเป็นที่ระลึกได้